คำพิพากษาฎีกาที่ 13415/2558
นางสาววณิ โจทก์
บจก.บิสฯ จำเลย
เรื่อง เลิกจ้างภรรยาเพราะสามีกระทำผิดคือเป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม
1. โจทก์ฟ้องว่า จำเลยจ้างโจทก์เข้าทำงานตำแหน่งสุดท้ายเป็นพนักงานบัญชีต้นทุน ต่อมาวันที่ 10 มกราคม 2556 จำเลย บอกเลิกจ้างโจทก์อ้างว่าจะมีการปรับโครงสร้างพนักงานในองค์กรให้มีผลตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม 2556 จำเลยเลิกจ้างโดยโจทก์ไม่ได้กระทำผิดและไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้า เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย
2. จำเลยให้การว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะโจทก์ไม่สามารถทำงานร่วมกับจำเลยได้อีกต่อไป เนื่องจากสามีของโจทก์ยักยอกเงินของจำเลยและเงินของคณะกรรมการจำเลยประมาณสองล้านบาทเศษ จำเลยได้จ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและค่าชดเชยตามกฎหมายแล้ว จำเลยไม่มีหน้าที่ที่ต้องจ่ายค่าเสียหายตามฟ้องอีก ขอให้ยกฟ้อง
3. ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมพร้อมดอกเบี้ย
4. จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
5. ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า การที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์ โดยจำเลยอุทธรณ์ทำนองว่า สามีโจทก์ทุจริตยักยอกเงินของจำเลยและกรรมการจำเลย โจทก์กับสามีอยู่บ้านเดียวกันอาจจะสมรู้ร่วมคิดกันยักยอกเงินดังกล่าว จำเลยจึงต้องเลิกจ้างโจทก์นั้น เห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยกล่าวหาเฉพาะสามีโจทก์ที่กระทำความผิดยักยอกเงินของจำเลยและกรรมการจำเลยแม้ขณะเกิดเหตุสามีโจทก์จำทำงานเป็นลูกจ้างของจำเลยเช่นเดียวกับโจทก์ จำเลยกลับเลือกใช้วิธีการเลิกจ้างโจทก์แทน ถือว่าเป็นการเลิกจ้างที่ยังไม่มีเหตุอันสมควรเพื่อพอ เป็นการเลิกจ้างที่ ไม่เป็นธรรม ที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยอุทธรณ์จำเลยฟังไม่ขึ้น ส่วนที่จำเลยอุทธรณ์ที่ศาลแรงงานกลางกำหนดความเสียหายเกินสมควรแก่เหตุนั้นเป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการกำหนดค่าเสียหายของศาลแรงงานกลางเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
6. พิพากษายืน
J J J J J J J J J J J J J
รวบรวมโดยนายไพบูลย์ ธรรมสถิตย์มั่น
www.paiboonniti.com
Code : 83