คำพิพากษาฎีกาที่ 10899/2557
นายวิ โจทก์
บริษัทเพมฯ จำเลย
เรื่อง ลูกจ้างถูกเลิกจ้าง แต่ลูกจ้างลงชื่อรับทราบว่าได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ ตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานครบถ้วนแล้ว และไม่ติดใจเรียกผลประโยชน์ใดเพิ่มเติม จึงไม่มีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหาย
1. โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า เข้าทำงานเมื่อเดือนธันวาคม 2548 ถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2550 ในตำแหน่งผู้อำนวยการหัวหน้าแผนกบัญชี ได้รับเงินเดือนเดือนละ 189,000 บาท และค่าน้ำมันเดือนละ 8,000 บาท รวมเป็นเงินได้เดือนละ 219,000 บาท เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2550 จำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 และที่ 3 มีหนังสือแจ้งการเลิกจ้างโจทก์โดยอ้างว่ามีความจำเป็นและเสียใจอย่างยิ่งที่จะต้องบอกเลิกจ้างเนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจ มีผลเป็นการเลิกจ้างตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2550 เป็นต้นไป การเลิกจ้างดังกล่าวเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม โจทก์เรียกค่าเสียหายจากจำเลยทั้งสามดังนี้ คือ หนี้คงค้างซึ่งเป็นค่าเบี้ยประกันชีวิต 50,000 บาท ค่าขาดโอกาสในการทำงานและรายได้ที่จะเกิดในอนาคต 5,455,015 บาท ภาระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 810,688 บาท ค่าขาดประโยชน์จากเงินสมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 86,665 บาท และค่าเสียหายอีก 25,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
2. จำเลยทั้งสามให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสามเนื่องจาก ในการเลิกจ้างดังกล่าวโจทก์ได้ลงลายมือชื่อรับทราบและเข้าใจดีแล้วว่าได้รับสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานครบถ้วนแล้วและจะไม่เรียกร้องผลประโยชน์ใดๆ เพิ่มเติม ขอให้ยกฟ้อง
3. ศาลแรงงานภาค 1 พิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
4. โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ฟังข้อเท็จจริงว่า ครั้งสุดท้าย ทำงานในตำแหน่งผู้อำนวยการหัวหน้าแผนกบัญชี และโจทก์ลงชื่อในหนังสือเลิกจ้างรับทราบ ว่าได้รับสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานและไม่เรียกร้องผลประโยชน์ใดๆ และจำเลยจ่ายเงิน ตามที่ระบุในหนังสือเลิกจ้างแก่โจทก์
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมหรือไม่ เห็นว่า ตามบันทึกในหนังสือเลิกจ้าง จำเลยที่ 1 ขอเลิกจ้างโจทก์โดยพิจารณา จ่ายค่าชดเชยและสิทธิประโยชน์อื่นๆ อันเนื่องมาจากการเลิกจ้างตามระเบียบข้อบังคับทั่วไปเกี่ยวกับ การทำงาน ตามอายุงานให้โจทก์เป็นเงินทั้งสิ้น 1,142,514.87 บาท และโจทก์ลงชื่อรับทราบว่าได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ ตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานและจะไม่เรียกร้องผลประโยชน์ใดๆ เพิ่มเติม แสดงว่าเมื่อโจทก์ได้รับเงินจากจำเลย แล้วโจทก์ตกลงไม่ติดใจเรียกผลประโยชน์ใดเพิ่มเติมก็คือ ค่าเสียหา จากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมจากจำเลยที่ 1 อีก สิทธิเรียกร้องของโจทก์ในค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมตามบันทึกเป็นอันระงับไป โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ที่ศาลแรงงานภาค 1 พิพากษามานั้นชอบแล้ว
5. พิพากษายืน
qpqpqpqpqpqpqpqpqpqpqpqpqpqpqp
รวบรวมโดยนายไพบูลย์ ธรรมสถิตย์มั่น
www.paiboonniti.com
Code : 63