When:
10/30/2019 @ 8:42 am – 9:42 am
2019-10-30T08:42:00+07:00
2019-10-30T09:42:00+07:00

คำพิพากษาฎีกา 1196-1218/2546

นางสุน                                                                                    โจทก์

บริษัท หลักฯ                                                                              จำเลย

เรื่อง      1.  ลาออกมีผลเมื่อใด

1.โจทก์ทั้งยี่สิบสามฟ้องว่า โจทก์ทั้งยี่สิบสามเคยเป็นลูกจ้างของจำเลย โดยโจทก์ทั้งยี่สิบสามได้ยื่นใบลาออกล่วงหน้าให้ไว้แก่จำเลย แต่จำเลยกลับอนุมัติให้ใบลาออกดังกล่าวมีผลเป็นการเลิกสัญญาจ้างในวันที่ยื่นใบลาออกทันที ดังนั้น การที่จำเลยอนุมัติให้โจทก์ทุกคนลาออกก่อนกำหนดที่ระบุไว้ในใบลาออก ทำให้โจทก์ทั้งยี่สิบสามขาดค่าจ้างที่จะได้รับนับตั้งแต่วันที่ยื่นใบลาออก โจทก์ทั้งยี่สิบสามพร้อมจะทำงานให้จำเลยถึงวันที่กำหนดในใบลาออก การที่จำเลยให้โจทก์ทั้งยี่สิบสามออกก่อนกำหนดจึงเป็นการผิดสัญญาจ้างแรงงาน โจทก์ทั้งยี่สิบสามจึงขอเรียกค่าเสียหายนับตั้งแต่วันที่      ยื่นใบลาออกจนถึงวันที่โจทก์ประสงค์จะลาออก และตามระเบียบข้อบังคับของจำเลย ยังได้กำหนดให้พนักงานลาหยุดพักผ่อนประจำปีได้ปีละ 20 วันทำงาน ซึ่งหากใช้สิทธิไม่ครบ ก็สามารถนำที่เหลือมาสมทบในปีถัดไปได้อีก ก่อนที่จำเลยจะอนุมัติให้โจทก์ลาออก โจทก์ยังคงมีวันลาหยุดพักผ่อนประจำปีในปี 2544 เหลืออีก จึงมีสิทธิได้รับค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีดังกล่าว นอกจากนี้ในการทำงานจำเลยตกลงจะให้ค่านายหน้าจากการขายแก่โจทก์ที่ 10 ในอัตราร้อยละ 5 ของยอดรวมค่านายหน้าจากการขายทำได้ แต่จำเลยไม่ยอมจ่าย

2.จำเลยทั้งยี่สิบสามสำนวนให้การว่า โจทก์ทั้งยี่สิบสามไม่มีสิทธิได้รับเงินค่าเสียหายตามฟ้อง ไม่มีสิทธิได้รับค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีตามฟ้อง เพราะจำเลยคิดคำนวณเงินจากวันหยุดพักผ่อนประจำปีที่เหลืออยู่หักกลบลบหนี้กับหนี้สินหรือค่าเสียหายต่าง ๆ จากนั้นได้จ่ายเงินให้เป็นการเรียบร้อยแล้ว จำเลยมีระเบียบหรือประกาศเกี่ยวกับการลาออกของพนักงานเป็น               การเฉพาะ กำหนดให้พนักงานที่ลาออกพ้นสภาพการเป็นพนักงานในวันยื่นใบลาออกเลยทันที โจทก์ทั้งยี่สิบสามไม่มีสิทธิเรียกเงินค่าเสียหายส่วนนี้ โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับค่านายหน้าจากการขาย ส่วนที่เหลือ เพราะยอดจำนวนเงินจากการขายของพนักงานขายซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบมีความผิดพลาดด้านตัวเลขและเกิดความเสียหาย ขอให้ยกฟ้อง

3.ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้องโจทก์ทั้งยี่สิบสามสำนวน

4.ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว เห็นว่า การบอกเลิกสัญญาจ้างปัจจุบันพระราชบัญญัติคุ้มครอง     แรงงาน พ.ศ. 2541   นำบทบัญญัติมาตรา 582  แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาบัญญัติไว้ในมาตรา 17 ซึ่งเป็น                   กฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน คู่สัญญาย่อมไม่มีสิทธิที่จะตกลงเกี่ยวกับการเลิกสัญญาจ้างเป็นอย่างอื่นได้ คดีนี้แม้จำเลยกับโจทก์ทั้งยี่สิบสามจะมีข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างตามระเบียบและข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน ระบุว่า สำหรับพนักงานที่มีหน้าที่ดูแลข้อมูลความลับของบริษัทฯ/และหรือลูกค้า โดยทางปฏิบัติแล้ว บริษัทฯ จะอนุมัติให้พ้นสภาพในทันทีที่ยื่นหนังสือลาออก ทั้งนี้ให้อยู่ในดุลพินิจของกรรมการผู้จัดการขึ้นไปที่จะพิจารณาเป็นกรณี ๆ ไปก็ตาม แต่ระเบียบดังกล่าวเป็นข้อตกลงที่ขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 จึงต้องใช้พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 17 วรรคสอง บังคับแทน ดังนั้นเมื่อโจทก์ทั้งยี่สิบสามแสดงความประสงค์ให้การลาออกเป็นผลเมื่อพ้นกำหนด 30 วัน นับแต่วันยื่นใบลาออก แต่จำเลยกลับไม่ยอมปฏิบัติตามบทบัญญัติดังกล่าว ทำให้โจทก์ทั้งยี่สิบสามได้รับความเสียหาย จำเลยจึงต้องจ่ายค่าเสียหายแก่โจทก์ทั้งยี่สิบสาม

5. ตามอุทธรณ์ข้อสองของโจทก์ว่า โจทก์มีสิทธิเรียกค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีหรือไม่ เห็นว่า เมื่อโจทก์ได้ยื่น          ใบลาออกในปี 2544 มิได้ถูกจำเลยเลิกจ้าง จึงไม่มีสิทธิได้รับค่าจ้างตามส่วนสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีในปีที่เลิกจ้าง                ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 67

6. ตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า โจทก์มีสิทธิเรียกค่านายหน้าจากการขายหรือไม่ เห็นว่า พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 76 บัญญัติว่า ห้ามนายจ้างหักค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา   ค่าทำงานในวันหยุด และค่าล่วงเวลาในวันหยุด เพื่อชำระหนี้ที่ลูกจ้างเป็นหนี้นายจ้างเว้นแต่การชำระหนี้อย่างใดอย่างหนึ่งตามกฎหมายข้างต้น คดีนี้โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับค่านายหน้า (ค่าคอมมิชชั่น) จากการขายตามหลักเกณฑ์การจ่ายค่าตอบแทน โดยระบุไว้ในข้อ 2 ตอนท้ายว่า ความผิดพลาดที่ทำให้เกิดความเสียหายของเจ้าหน้าที่การตลาดในความดูแลของหัวหน้าส่วน จะนำมาหักออกจากค่าตอบแทนของหัวหน้าส่วนที่ได้รับจากทีม ดังนั้น จำเลยจึงมีสิทธินำค่าเสียหายที่เกิดจากความผิดพลาดในส่วนความรับผิดชอบของโจทก์มาหักออกจากค่านายหน้า (ค่าคอมมิชชั่น) ได้รับตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวข้างต้น มิใช่เป็นการนำค่าจ้างที่โจทก์ได้รับมาหักเพื่อชำระหนี้ จึงไม่ขัดต่อพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน  พ.ศ. 2541 มาตรา 76

 

bbbbbbbbbbbbbbbbbb

 

รวบรวมโดยนายไพบูลย์  ธรรมสถิตย์มั่น (บ.1/น)